SHARES
การจัดไฟภายในบ้านอาจเป็นเรื่องที่ใครหลายคนมองข้ามไป แต่รู้หรือไม่ว่า… การจัดไฟไม่เพียงแต่จะช่วยให้บ้านดูสวยขึ้น แต่ยังช่วยเสริมพัฒนาการเด็กได้ทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ วันนี้เซฟไทยจะพาไปทำความรู้จักกับข้อควรรู้ก่อนลงมือจัดไฟ พร้อมเทคนิคการจัดไฟอย่างไรให้ลูกปลอดภัยและมีพัฒนาการดี
ตามหลักวิทยาศาสตร์เผยว่า “สภาพแวดล้อมโดยรอบที่เหมาะสมต่อความต้องการของเด็กจะช่วยเสริมพัฒนาการเด็กได้” การจัดไฟภายในบ้านกลายเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อวัยแห่งการเรียนรู้ ดังนั้นพ่อแม่จึงควรตระหนักถึงการวางแผนก่อนลงมือจัดไฟให้ดี
การวางตำแหน่งของหลอดไฟมีความสำคัญเช่นเดียวกับปริมาณและสีของหลอดไฟ เนื่องจากการจัดไฟในตำแหน่งที่ถูกต้องจะมีประโยชน์ต่อการใช้งาน และเป็นตัวกำหนดอารมณ์ของเด็กได้ เช่น ตำแหน่งของหลอดไฟที่เหมาะสมที่สุดสำหรับห้องนอนคือ ไฟติดพนัง ทั้งนี้ควรเลี่ยงการใช้ไฟห้อยเพดานที่กลางห้อง และการติดตั้งไฟเพดานตรงกับเตียง เนื่องจากจะรบกวนการนอนของเด็กได้
ประเภทของหลอดไฟ เป็นอีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามในการจัดไฟ โดย 2 ปัจจัยหลัก ๆ ที่ใช้ในการเลือกประเภทของหลอดไฟ คือ ‘จำนวนวัตต์’ ต้องเลือกหลอดไฟที่มีความสว่างที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อสายตาและช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ‘สีของหลอดไฟ’ ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรคำนึง เนื่องจากสีของไฟที่แตกต่างกันจะให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน เช่น พื้นที่สำหรับการนอนควรมีบรรยากาศอบอุ่น ดังนั้นจึงควรใช้หลอดไฟที่รู้จักให้ความอบอุ่นอย่างโทนสีแบบ Warm White รวมถึงหลอดไฟประเภทนี้ยังเหมาะกับพื้นที่สำหรับการเรียนรู้หรือห้องอ่านหนังสือซึ่งเป็นพื้นที่ที่เด็กต้องการสมาธิมาก และช่วยถนอมสายตาของเด็กได้ ส่วนพื้นที่สำหรับการเล่นควรมีอากาศที่ถ่ายเทและรับแสงจากธรรมชาติได้ดี หรือใช้หลอดไฟแบบ Day Light ที่มีโทนสีมาตรฐานใกล้เคียงแสงธรรมชาติ
สิ่งที่ควรพึงตระหนักเป็นพิเศษในการจัดไฟสำหรับเด็ก คือ ความปลอดภัย โดยเฉพาะอุปกรณ์ส่องสว่างที่ติดตั้งในระดับความสูงที่เด็กสัมผัสถึง เช่น โคมไฟ หรือไฟตั้งพื้น ควรเลือกอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีอันตราย มีการติดตั้งสายดิน หรือหากมีปลั๊กไฟควรมีที่ครอบเพื่อป้องกันอันตรายจากการสัมผัส นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบระบบไฟอยู่เสมอเพื่อป้องกันปัญหาไฟรั่ว ไฟดูด
สวิตช์หรี่ไฟ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการจัดไฟในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยให้ควบคุมความเข้มของแสงได้ตามต้องการ เช่น การปรับแสงให้อ่อนลงขณะเด็กนอนหลับเพื่อให้มีแสงสว่างที่เพียงพอต่อการมองเห็น แต่ไม่รบกวนการนอนของเด็ก
ในบางครั้งเด็กโตอาจตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อดื่มน้ำหรือเข้าห้องน้ำ ดังนั้นการติดตั้งสวิตช์ไฟควรติดตั้งในตำแหน่งที่เด็กเอื้อมถึง และอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยไม่มีสิ่งกีดขวาง
การจัดไฟเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการจัดไฟที่เหมาะสมจะช่วยเสริมพัฒนาการเด็ก แต่ในทางกลับกันการจัดไฟที่ผิดวิธีก็สามารถสร้างความอึดอัดและเป็นอุปสรรคต่อเด็กได้เช่นกัน วันนี้เซฟไทยจะพาไปดู 6 เทคนิคการจัดไฟอย่างถูกต้องเพื่อช่วยเสริมพัฒนาการเด็ก
สิ่งแรกที่ควรคำนึงในการเลือกหลอดไฟ คือ คุณภาพของหลอดไฟที่ต้องเลือกใช้หลอดไฟที่ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เท่านั้น ซึ่งจะมีเครื่องหมายระบุบนบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยของเด็กควรเลือกหลอดไฟที่ทำจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารปรอท และไม่มีแสงสีฟ้า
นอกจากความสว่างที่เหมาะสม สีไฟก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการจัดไฟ หากเป็นห้องอ่านหนังสือหรือห้องที่มีโต๊ะอ่านหนังสือควรใช้ไฟแบบแสงสีนวล (Warm white) หรือหลอดไฟแสงแบบ Continuous Spectrum ที่มีใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยถนอมสายตาเด็ก และควรเลือกใช้หลอดไฟแบบ Day Light หรือเน้นใช้แสงธรรมชาติในช่วงกลางวันสำหรับห้องทำกิจกรรมเพื่อเสริมพัฒนาการเด็ก
สำหรับเด็กที่กลัวความมืด การเปิดไฟทั่วห้องขณะนอนหลับอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม เพราะแสงจ้าอาจส่งผลให้เด็กนอนหลับไม่สนิท และพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นการวางโคมไฟเล็ก ๆ ไว้ที่หัวเตียงเพื่อไม่ให้มีแสงสว่างเกินไป จะช่วยให้เด็กพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ซึ่งเป็นผลดีต่อการเสริมพัฒนาการเด็ก
บางครั้งอาจคิดว่าการติดไฟภายในห้องเพียงดวงเดียวเพียงพอแล้ว แต่การติดหลอดไฟหลายดวงในจุดต่าง ๆ ของห้องจะช่วยกระจายแสงไฟให้ทั่วถึงทั้งห้อง โดยไม่มีมุมมืดที่ต้องใช้สายตาในการเพ่ง ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นของเด็กในระยะยาว และอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เด็กสายตาสั้นได้อีกด้วย
จากงานวิจัยพบว่าแสงแดดมีประโยชน์ต่อเด็ก เนื่องจากแสงแดดช่วยให้เด็กอารมณ์ดีและมีสมาธิมากยิ่งขึ้น รวมถึงการรับแสงแดดอ่อนจะช่วยสร้างวิตามินดี ซึ่งมีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และสามารถป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อ ภาวะนอนไม่เป็นเวลา รวมถึงสายตาสั้นได้ นอกจากนี้รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย ทั้งนี้ยังสามารถจัดไฟในพื้นที่เรียนรู้สำหรับเด็กได้โดยการใช้หลอดไฟแบบหลอดไส้ซึ่งเป็นแสงแบบ Continuous Spectrum ที่มีความใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์
ในพื้นที่ที่ต้องดูแลสุขอนามัย เช่น บริเวณเปลี่ยนเสื้อผ้า และบริเวณที่อันตรายอย่าง ทางเดินหรือบันได ควรมีไฟส่องสว่างอย่างเพียงพอเพื่อความปลอดภัยของเด็ก
การจัดไฟไม่ใช่แค่เรื่องของการมอบแสงสว่างเท่านั้น แต่การจัดไฟอย่างเหมาะสมยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้อีกด้วย ดังนั้นการจัดไฟจึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรหันมาใส่ใจให้มากยิ่งขึ้น เซฟไทยหวังว่าทุกท่านจะนำเทคนิคที่เราเสนอในวันนี้ไปปรับใช้เพื่อจัดไฟให้กับลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม
ที่มา: baania
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับคุกกี้ทั้งหมดประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน